2. เลือกตามลักษณะของพื้นที่ติดตั้ง ซึ่งแบ่งเป็น
![](http://img.kapook.com/image/icon/rc_point_right_red.gif)
Floor Tile เหมาะสำหรับปูพื้นเพราะแข็งแรง และรับน้ำหนักได้มากเป็นพิเศษ
![](http://img.kapook.com/image/icon/rc_point_right_red.gif)
Wall Tile ซึ่งผ่านการเผา 2 ครั้ง จึงให้สีที่สวย เงางาม และมีน้ำหนักเบา แต่ไม่แข็งแรง รับน้ำหนักได้น้อย จึงเหมาะกับงานบุผนัง
![](http://img.kapook.com/image/icon/rc_point_right_red.gif)
ติดตั้งได้ทั้ง Floor Tile และ Wall Tile
![](http://img.kapook.com/image/icon/rc_point_right_red.gif)
สำหรับตกแต่งกรุยเชิง มีหลากหลายแบบตามการตกแต่งที่ต่างกันไป
3. เลือกตามขนาดของแผ่น
โดยขนาด ความกว้าง X ยาว ของกระเบื้องที่ระบุนั้น เป็นทั้งหน่วยนิ้ว และเซนติเมตร ถ้าละเอียดก็วัดกันเป็นมิลลิเมตรเลยทีเดียว ซึ่งในแต่ละบริษัทที่จำหน่ายนั้นมีแบบและขนาดที่ต่างกัน จึงควรสังเกตให้ดี หากต้องการปูสลับสีและลายในห้องเดียว ต้องดูให้แผ่นมีขนาดเท่ากันเพื่อรอยต่อที่สวยงาม โดยสามารถแบ่งตามลักษณะการติดตั้ง ดังนี้
![](http://img.kapook.com/image/icon/plus.gif)
กลุ่ม Floor Tile ขนาดที่นิยมผลิต 8x8 นิ้ว, 12x12 นิ้ว, 13x13 นิ้ว, 16x16 นิ้ว, 24x24 นิ้ว
![](http://img.kapook.com/image/icon/plus.gif)
กลุ่ม Wall Tile ขนาดที่ผลิต 8x8 นิ้ว, 8x10 นิ้ว, 10x16 นิ้ว, 12x24 นิ้ว
![](http://img.kapook.com/image/icon/plus.gif)
สำหรับตกแต่งกรุยเชิงมีหลากหลายแบบตามการตกแต่งที่ต่างกันไป ตั้งแต่ขนาด 1/2 นิ้ว - 4x8 นิ้ว, 10 นิ้ว 16 นิ้ว, 24 นิ้ว
4. เลือกตามเกรดของสินค้า
แบ่งกันตามความผิดพลาดในการผลิตของขนาด ความหนา พื้นผิว น้ำหนัก การดูดซึมน้ำ สีสัน และลวดลาย ซึ่งแบ่งออกได้เป็น เกรด A หรือ Premium, เกรด B หรือ Commercial และเกรด C ตรงนี้มีผลกับความสวยงาม และราคาจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรตัดสินใจเพราะช่วยประหยัดงบได้
5. เลือกประกอบจากข้อมูลข้างกล่อง
นอกจากเลือกตามคุณสมบัติต่าง ๆ แล้ว ยังมีข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นของกระเบื้องระบุไว้อยู่ข้างกล่อง ให้สังเกตด้วยเพราะมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจซื้อเช่นกัน คือ
![](http://img.kapook.com/image/icon/rc_point_right_red.gif)
PCS. คือจำนวนแผ่นที่บรรจุต่อกล่อง
![](http://img.kapook.com/image/icon/rc_point_right_red.gif)
SQ.M. / CARTON = จำนวนพื้นที่ที่ปูได้ หน่วยตารางเมตรต่อกล่อง
![](http://img.kapook.com/image/icon/rc_point_right_red.gif)
SQ.FT. / CARTON = จำนวนพื้นที่ที่ปูได้ หน่วยตารางฟุตต่อกล่อง
6. การเลือกสี
ไม่เพียงแต่เลือกสีของกระเบื้องในรุ่นนั้น ๆ ให้ถูกใจแล้ว ต้องทำความเข้าใจธรรมชาติของกระเบื้องด้วยว่าการผลิตกระเบื้องแต่ละครั้งต้องผ่านขั้นตอนการเผา ซึ่งจะทำให้ได้สีที่ต่างกันบ้าง ดังนั้นหากต้องการให้สีที่เท่ากันทุกแผ่น แนะนำให้ซื้อที่ผลิตในล็อตเดียวกัน
7. สังเกตค่าการดูดซึมน้ำของกระเบื้อง
เพราะกระเบื้องแต่ละชนิดต่างกันจึงควรเลือกให้เหมาะสม โดยเช็กที่ข้างกล่องหรือสอบถามกับทางร้านค้า รวมไปถึงค่าการดูดซึมน้ำซึ่งมีผลต่อสภาพความชื้นที่จะเป็นปัญหาเรื่องการหลุดล่อนและความคงทนของกระเบื้องต่อไป โดยค่ามาตรฐานในท้องตลาด มีดังนี้
![](http://img.kapook.com/image/icon/plus.gif)
0% ไม่มีการดูดซึมน้ำจึงไม่มีปัญหาเรื่องความชื้น พบกับกระเบื้องประเภทโมเสกแก้ว
![](http://img.kapook.com/image/icon/plus.gif)
น้อยกว่า 3% มีการดูดซึมน้ำต่ำมาก จึงเหมาะกับงานปูสระว่ายน้ำ งานภายในและภายนอกอาคารที่สัมผัสน้ำบ่อย ๆ
![](http://img.kapook.com/image/icon/plus.gif)
มากกว่า 3-6% มีการดูดซึมน้ำน้อย จึงใช้ได้ทั้งงานปูภายในและภายนอกอาคาร
![](http://img.kapook.com/image/icon/plus.gif)
มากกว่า 6-10% มีการดูดซึมน้ำปานกลาง เหมาะกับงานปูภายในกับภายนอกที่มีความชื้นไม่มากนัก
![](http://img.kapook.com/image/icon/plus.gif)
มากกว่า 10-16% มีการดูดซึมน้ำสูง จึงไม่เหมาะปูในที่มีความชื้นสูง อย่างภายนอกอาคารที่ถูกแดดและฝนเป็นประจำ
Tips
![](http://img.kapook.com/image/icon/rc_point_right_red.gif)
อย่าลืมจด Product Name รุ่นสินค้า ปีผลิต หรือเก็บรหัสที่ข้างกล่องไว้ด้วย เผื่อกระเบื้องที่ปูไปแล้วเสียหายหรือปูไม่พอ จะสามารถหาซื้อใหม่ได้ และเทียบเฉดสีและล็อตในการผลิตให้ได้เฉดสีที่ตรงกัน เพราะอย่าลืมว่าการเผากระเบื้องในแต่ละเตา จะมีค่าความต่างของเฉดคลาดเคลื่อนอยู่บ้างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นหากเทียบล็อตการผลิตให้ใกล้เคียงที่สุดก็อุ่นใจว่าสีไม่เพี้ยนมาก
![](http://img.kapook.com/image/icon/rc_point_right_red.gif)
ราคา ส่วนใหญ่กระเบื้องจะระบุราคาต่อ 1 กล่อง ซึ่งปกติปูได้ 1 ตารางเมตร แต่กระเบื้องพิเศษบางชนิด โดยเฉพาะงานนำเข้าจะขายแยกเป็นแผ่น
![](http://img.kapook.com/image/icon/rc_point_right_red.gif)
ถ้าสงสัยว่าจะต้องใช้กระเบื้องกี่กล่อง เอาสูตรนี้ไปใช้ได้เลย
จำนวนกล่อง = กว้าง x ยาว ของพื้นที่ที่จะปู (เมตร)
จำนวนพื้นที่ที่ปูได้ต่อ 1 กล่อง (ตารางเมตร)
หมายเหตุ การซื้อกระเบื้องสำหรับปูลายแบบขนาน ควรซื้อเผื่อการตัดขอบประมาณ 3-5 % ส่วนการปูแบบทแยง ควรเผื่อประมาณ 7-10%